Failure of mass screening of COVID-19 without physical distancing
บทความรอลงตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ
(ผู้รับการตรวจในโรงงาน ขณะนั้นยังไม่มีวัคซีน)
โรงงานแห่งหนึ่งที่สมุทรสาคร bubble and seal ผล ตรวจพีซีอาร์ครั้งแรกวันที่ 27 มกราคม 2564 ประมาณ 2200 คน มีเชื้อ จาก แยงจมูก 300 คน
ค้ดออก ที่เหลือ 1,900 คน ทำงานต่อ ที่โรงงาน และที่พักในและนอกโรงงาน
ตรวจหาภูมิที่เป็นหลักฐานของการติดเขื้อ IgG IgM และภูมิที่ยับยั้งไวรัสได้ หลังจากนั้น (ภูมิจะขึ้นตั้งแต่ 4 วันหลังได้รับและติดเชื้อ)
ครั้งที่ 1 : 14/2/64
มี เลือด บวก 283 และในจำนวนนี้ยังปล่อยเชื้อได้ 148 คน
ตรวจครั้งที่ 2 : 5/3/64 มีเลือดบวก 538 ราย และเป็นคนที่เลือดบวกทั้งครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง 230 ราย แสดงว่ามีผู้ที่ติดเชื้อใหม่อีก และเมื่อตรวจหาเชื้อพบว่าสามารถปล่อยเชื้อได้ 200 ราย
หมายความว่า
1- การแยงจมูกตรวจเชื้อครั้งเดียว ไม่แน่นอน
2- การคิดว่าคนที่เหลือ ไม่มีเชื้อ จากการตรวจแยง ปลอดภ้ย แท้จริง เป็นเรื่องไม่ปลอดภัย
3- การที่พบเลือดเป็นบวก และมีภูมิคุ้มกันที่ยับยั้งไวรัสในเลือดได้ในระดับสูงไม่ได้เป็นเครื่องแสดงว่าปล่อยเชื้อไม่ได้ เมื่อไหร่ที่เลือดเป็นบวกต้องทำการแยงจมูกต่อ
ในกรณีที่ไม่ได้รับวัคซีน
4- การที่เลือดเป็นลบ ครั้งแรกไม่ได้หมายความ 100% ไม่ติดเชื้อเนื่องจากอาจติดเชื้อหนึ่งวันถึง2-3 วันก่อนตรวจ (เช่นเดียวกับการตรวจพีซีอาร์) ดังนั้นยังคงต้องมีวินัยและรักษาระยะห่างอยู่เสมอและตรวจเลือดครั้งที่สองในช่วงห้าถึงเจ็ดวันถ้าเป็นลบหมายความว่าไม่มีการติดเชื้อ
5- การแพร่โดยไม่มีอาการยังคงเป็นการแพร่ที่มีประสิทธิภาพจากการตรวจครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สองห่างกันสามสัปดาห์มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 255 ราย (583-238) และใน การตรวจครั้งที่ สองนี้ พบ ว่ายังแพร่เชื้อได้ 200 ราย
6- ถึงแม้ว่าผู้ที่ติดเชื้อจะไม่มีอาการแต่ความสามารถในการแพร่ต่อไปเรื่อยๆ ยังมีอยู่อย่างสมบูรณ์ เมื่อออกไปยังชุมชนทั่วไปที่เปราะบาง จะเกิดอาการชึ้น
ประการสำคัญก็คือการแพร่ไปเรื่อยๆ ในลักษณะที่ไม่รู้ตัวแบบนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้ไวรัสมีการพัฒนาการและกลายเป็นสายพันธุ์ที่เพิ่มความสามารถในการแพร่กระจาย และดื้อต่อประสิทธิภาพของวัคซีนที่ใช้อยู่